Tirzepatide คืออะไร

ใครขี้เกียจอ่านยาวๆ อ่านสรุปด้านบนได้เลยค่ะ วันนี้อาจจะไม่แซ่บนะคะ มาทางวิชาการนิดนึง

1. มันทำให้ไม่หิวค่ะแม่ หลักๆคือตัวนี้จะสลายไขมันมาเป็นพลังงาน และ เปลี่ยนไขมันเป็นน้ำตาลให้เองทำให้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่อง Cal in / Cal Out เลย

2. เมื่อประกอบกันการออกกำลังกาย แล้วกลที่ช่วยให้ GLUT4 เพิ่มขึ้น [GLUT4 อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ตัวรับ Gluclose ในกล้ามเนื้อหรือผิวเซลล์ฺ์] ก็หมายความว่าสามารถย้ายน้ำตาลหรือกรดไขมันที่ได้จากการสลายไขมัน ให้วิ่งเข้ากล้ามได้ *** จุดสังเกตุ ถ้าออกกำลังกายหนัก ในวันนั้นๆ จะหิวมากกว่าวันที่ไม่ออก **


3. มีจุดอ่อนคือว่า อาจจะคุมหิวจนทำให้กินโปรตีนไม่พอ หรือรู้สึกไม่อยากกิน ทำให้ฟื้นตัวได้ไม่ดี เพราะว่ายานี้ทำให้ไม่ขาดน้ำตาล เพราะสลายไขมันมาทำ แต่ว่าร่างกายก็ต้องการโปรตีน และอาจต้องการสูงขึ้น ดังนั้นกินโปรตีนให้ได้อย่างน้อยเท่าส่วนสูงของตัวเอง ไม่เช่นนั้นอาจะทำให้การลดไขมันหยุดลง หรือฟื้นตัวช้า


4.อาจจะทำให้มีความรู้สึก อิ่มๆ เบื่อๆ เพราะมันไปส่งผลต่อเรื่อง สัญญาณความอิ่ม
ดังนั้นแนะนำที่ 2.5 MG/สัปดาห์ เท่านั้น การไปใช้เยอะๆไม่ค่อยมีความต่างเท่าไหร่ มีงานวิจัยทดสอบแบบ 5MG กับ 10MG พบว่าไม่ต่างกันเกิน 8% (ใน 1 ปี) แนะนำว่าทำร่วมกับการกินไขมันและโปรตีนสูง คาร์บต่ำ จะเสริมกลไกของยาและฮอร์โมน ได้อย่างดีเยี่ยม ถ้ากินอาหารปกติ 5 หมู่ หลายมื้อ ก็จะไม่ได้ผลดีเท่าเพราะมีการรบกวนหลายอยากจาก insulin

ต่อไปปวดหัวหน่อยนะแม่

Tirzepatide ตอนนี้เริ่มมีชื่อเสียงในกระแสหลักแล้ว เนื่องจากล่าสุดนางเอาชนะ ozempic ได้เป็นที่เรียบร้อยจากงานวิจัยล่าสุด

Tirzepeptide อันดับหนึ่งแห่งยาลดน้ำหนัก จากงานวิจัย REF : https://www.facebook.com/Endocrinologyreview/posts/pfbid0n2efZvtdgC73es2QNpvs4ZQLZ6adRu5dvG6PD8KeGyiquhQaZ5SXTMc2FZfRWQDl

ซึงจะพบว่า อัตราการลดน้ำหนักลงทำได้ดีมากกว่า และในผู้บ่วยเป็นเบาหวานก็สามารถควบคุมน้ำตาลสะสมได้ดีมากๆ แต่สำหรับผู้ป่วยเนี่ยจะมีการเพิ่มตัวยาขึ้นไปเรื่อยๆ แต่สำหรับเราที่ใช้ลดน้ำหนักไม่จำเป็นค่ะ เราจะมาใช้ข้อดีของนางในการช่วย ควบคุมน้ำหนัก และ ปรับพฤติกรรมการกิน โดย Tirzepatide เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มของ GLP-1 และ GIP receptor agonists ซึ่งทำงานโดยการกระตุ้นตัวรับสองประเภทคือ Glucagon-Like Peptide-1 Receptor (GLP-1R) และ Glucose-Dependent Insulinotropic Polypeptide Receptor (GIPR) มีผลต่อระบบการเผาผลาญและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นั่นจะทำให้เกิดการ ดึงพลังงานเก่าในร่างกายที่สะสมในรูปแบบของไขมัน หรือ ไกลโคเจ้น ออกมาใช้

GLP-1 และ GIP คืออะไร เจ้ไม่เข้าใจ

GLP-1 เป็นฮอร์โมนในกลุ่ม incretin ที่หลั่งจากลำไส้เล็กเพื่อตอบสนองต่อการรับประทานอาหาร

การทำงาน:

  1. เพิ่มการหลั่งอินซูลิน GLP-1 กระตุ้นเซลล์เบตา (β-cells) ในตับอ่อนให้หลั่งอินซูลินมากขึ้น เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงปรับปรุงความไวต่ออินซูลินในเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อและตับ
  2. ลดการหลั่งกลูคากอน:ยับยั้งเซลล์แอลฟา (α-cells) ในตับอ่อนเพื่อลดการหลั่งกลูคากอนลดการผลิตกลูโคสจากตับผ่านกระบวนการ hepatic gluconeogenesis
  3. ชะลอการลำเลียงอาหารจากกระเพาะสู่ลำไส้เล็ก:ลดการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร

ลดความอยากอาหาร (Appetite Suppression):

GLP-1 ทำงานใน hypothalamus ของสมอง เพื่อลดการกระตุ้นศูนย์ความหิว

GIP เป็น incretin hormone อีกชนิดหนึ่งที่ทำงานเสริมกับ GLP-1

การทำงาน:

  • เพิ่มการหลั่งอินซูลิน:GIP กระตุ้นเซลล์เบตาให้หลั่งอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นลดความต้านทานต่ออินซูลิน (Insulin Resistance):
  • ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินใน adipose tissue และ skeletal muscle
  • ส่งเสริมการเผาผลาญไขมัน:GIP กระตุ้นการดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน (lipolysis)ลดการสะสมของไขมัน โดยเฉพาะ visceral fat แปลว่าทำให้พุงที่ลดยากลดได้

การทำงานร่วมกับ GLP-1:

การกระตุ้นทั้ง GLP-1 และ GIP pathways พร้อมกันช่วยเสริมฤทธิ์ในการควบคุมระดับน้ำตาลและปรับปรุงเมตาบอลิซึม

และมีส่วนเสริมอีกคือ

  • ลดระดับไขมันในเลือด triglycerides ผ่านการปรับปรุงการทำงานของระบบเผาผลาญ
  • Lipid Metabolism Pathway : Tirzepatide กระตุ้นการดึงไขมัน (triglycerides) ใน adipose tissue มาใช้เป็นพลังงาน
  • Skeletal Muscle Glucose Uptake PathwayTirzepatide กระตุ้นการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อผ่าน GLUT4 translocation แปลว่าทำให้กล้ามเนื้อ และ เซลล์ในร่างกาย รับน้ำตาลได้ดีขึ้น
  • ช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลินในกล้ามเนื้อ แปลว่าทำให้กล้ามใช้พลังงานในเซลล์ได้ดี ไม่มีตกค้าง จึงเปิดรับน้ำตาลภายนอกเข้าไปเพิ่ม
  • Hepatic Gluconeogenesis Pathway ลดการผลิตกลูโคสในตับ โดยยับยั้งเอนไซม์สำคัญ เช่น PEPCK (phosphoenolpyruvate carboxykinase) แปลว่าถ้าไม่กระตุ้น ร่างกายก็คงจะใช้ FFA/Ketones ในสัดส่วนสูงขึ้นครับ ยิ่งลดโอกาสการสร้างไขมันใหม่
  • Appetite and Satiety PathwayGLP-1 และ GIP ทำงานในสมอง โดยเฉพาะที่ arcuate nucleus (ARC) ใน hypothalamusลดความอยากอาหาร และกระตุ้นความอิ่ม

สรุป

  1. ควบคุมอาหารแบบ low carb : https://fuqfat.com/lchf-diet/
  2. ใช้ Tirzep อาทิตย์ละ 2.5 MG ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณ ถ้ารีบจริงๆ 5MG ถือว่าเยอะมากแล้ว
  3. หรือถ้าเร็วไม่ทันใจ อยากใช้ stack อื่นด้วยก็สามารถดูได้ในลิงค์นี้ https://fuqfat.com/new-year-new-me/
  4. ถ้าท้องผูก หรือ น้องแข็ง/เหนียว ให้เพิ่มปริมาณไขมันที่รับประทาน
  5. ปริมาณโปรตีนที่ทาน ขั้นต่ำ 1 เท่าน้ำหนักตัว (คนทั่วไป) นักกีฬาที่แนะนำ 2-3 เท่าของน้ำหนักตัว จะดีมากๆ
  6. พยายามหลีกเลี่ยง carb ให้มากที่สุดเพราะอาจเกิดอาการพะอืดพะอมได้ในบางราย (ประมาณ 5% จากผู้ทดลอง)
  7. ถ้างบน้อย ออน tirzep ตัวเดียวพอสำหรับคนอยากลด น้ำหนักหนักลดไขมัน เอาเงินไปซื้อเนื้อดีๆกินค่ะ ชาบูหมูกระทะว่ากันไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Verified by MonsterInsights